วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การเป่าแคน กับ งานสาธารณสุข

นี่เป็นภาพลักษณ์ของนักวิชาการสาธารณสุข ใช่หรือไม่?

หากคุณมองอีกด้านของคนที่ทำงานด้านสาธารณสุข จะเห็นว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคนใช้เวลาส่วนมากไปกับการบริการประชาชน  
สาธารณสุข = ความสุขของสาธารณะ 
จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัว  ซึ่งสำหรับน้ำปรุงงานสาธารณสุข คือการมอบความสุขทุกอย่างที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข

ไม่ว่าจะเป็นการบริการด้วยใจในสถานบริการ

หรือแม้กระทั้งการให้บริการสุขภาพที่บ้าน


ซึ่งรวมไปถึงการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน


หากเราทำด้วยใจที่ได้มา คุ้มค่ากว่าเงินทอง (กำลังใจสำหรับผู้ป่วย คือ ยาวิเศษที่ล้ำค่ามาก)


( คนส่วนใหญ่ทางภาคอีสาน จะชอบฟังเสียงลำเสียงแคนมาก )
การทำให้ผู้ป่วยหรือประชาชนมีความสุขสนุกสนาน  สามารถลดภาวะหรืออัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้า และโรค อื่นๆ อีกมากมาย
หมอลำกับหมอแคนเป็นของคู่กัน


ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหน จะถูกล้อมรอบด้วยเพื่อน ความรัก ความสนุกสนาน และความผูกพัน


ไม่ว่าจะงานใหนๆ ใครๆ ก็จะคิดถึงเรา และพวกเราก็จะสนุกสนานกัน



นี่คือ เรื่องราว ความรู้สึกบางมุม
ของ สาวหมอแคน ต่างจังหวัดคนหนึ่ง
ที่อยากเห็นทุกคน ทุกภาคในประเทศ
มีความสุขและสามัคคีกัน



น้ำปรุง (="_"=)

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

น้ำปรุง


น้ำปรุง

น้ำปรุง  เป็นคน จังหวัดมหาสารคาม ปัจจุบัน อายุ 22 ปี ทำงานที่ สำนักงานสาธารณสุขอำเภดวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


 
เมื่อปี 2547 พ่อบอกว่า "อยากฟังเสียงแคนก่อนนนอนคงจะมีความสุขดี" มันเป็นความรู้สึกแว๊บขึ้นมาว่าอยากทำอะไรเพื่อให้พ่อดีใจเล็กๆน้อยๆบ้าง จึงให้พ่อพาไปหัดที่บ้านนาเลาะกับพ่อสม มันเป็นช่วงที่ปิดเทอม ม.3 ขึ้น ม.4 แล้วต้องไปกินอยู่ที่บ้านของพ่อสมเลยและมีหมอลำหมอแคนที่กำลังฝึกหัดอยู่ประมาณ 4-5 คน  ถ้าถามว่าตอนนั้นชอบเป่าแคนใหม? ตอบได้เลยว่าไม่ เราก็เป็นเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ชอบอะไรใหม่ๆทันสมัยแต่ตอนนั้นคิดว่าแคนคือดนตรีสำหรับคนแก่เล่น  แต่พอเป่าเรื่อยๆ ก็เกิดความผูกพันกับแคนและทุกคนที่อยู่ด้วยกัน มันคือบ้านอีกหลังหนึ่งที่อยู่อย่างสบายใจและปลอดภัยสำหรับเรา


 
แม้ตอนนี้ พ.ศ. 2554 น้ำปรุงทำงานสายสุขภาพ ที่สำนักงานสาธารณสุขแต่ก็ยังมีคาวมผูกพันกับแคนและไม่ว่าน้ำปรุงจะไปใหนน้ำปรุงก็จะเอาแคนไปด้วยเสมอ และคิดถึงเพื่อนๆที่เคยอยู่กินด้วยกันซ้อมด้วยกัน เคยรับจ้างตามงานด้วยกันเสมอนะเพื่อน

เพื่อความสุขของทุกคน สู้ตาย.ย.ยยย

สาวหมอแคน


ประวัติโดยย่อ

ชื่อ นางสาวปนัดดา นามสอน

ชื่อเล่น  น้ำปรุง

เกิดวันที่ 27  กรกฎาคม 2531

วุฒิการศึกษา  ปริญญาตรี สาขาสาธารณสุขศาสตรณบัณฑิต



ประวัติการเป่าแคน

เริ่มหัดเป่า เมื่อเรียนมัธยมปีที่ 4 พ.ศ. 2547

สอนโดย พ่อสมดี  ทองจันทร์ บ้านนาเลาะ  อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม
และ อาจารย์ พิภพ คชอาจ โรงเรียนเวียงสะอาดพิทยาคม

รับงานตามวงหมอลำซิ่ง และวงโปงลาง



น้ำปรุง (="_"=)


ดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน


  แคน

แคน เป็นเครื่องเป่าพื้นเมืองของชาวอีสานเหนือที่ใช้ไม้ซางขนาดต่าง ๆ ประกอบกันเข้าเป็นตัวแคน แคนเป็นสัญลักษณ์ของภาคอีสาน เป็นเครื่องเป่ามีลิ้นโลหะ เสียงเกิดจากลมผ่านลิ้นโลหะไปตามลำไม้ที่เป็นลูกแคน การเป่าแคนต้องใช้ทั้งเป่าลมเข้าและดูดลมออกด้วย จึงเป่ายากพอสมควร แคนมีหลายขนาด บางขนาดมีเสียงประสานอยู่ด้วย แคนมีหลายประเภทตามจำนวนลูกแคน คือ
1.แคนหก มีลูกแคน 3 คู่ (6 ลูก) เป็นแคนขนาดเล็กที่สุด สำหรับเด็กหรือผู้เริ่มฝึกหัดใช้เป่าเพลงง่าย ๆ เพราะเสียงไม่ครบ
2.แคนเจ็ด มีลูกแคน 7 คู่ (14 ลูก) เป็นแคนขนาดกลาง มีเสียงครบ 7 เสียง ตามระบบสากล และมีระดับเสียงสูง ต่ำ ทั้ง 7 เสียง หรือที่เรียกว่า คู่แปด คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที (คู่แปด คือทุกเสียงเช่นเสียงโด ก็จะมีทั้งเสียงโดสูง และโดต่ำ ทุกเสียงมีคู่เสียงทั้งหมด)
3.แคนแปด ใหญ่กว่าแคนเจ็ด มีลูกแคน 8 คู่ (16 ลูก) คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด เพิ่มคู่เสียงระดับสูงขึ้นไปให้เป็นเสียงประสานในการเล่นเพลงพื้นเมือง
4.แคนเก้า มีลูกแคน 9 คู่ (18 ลูก) ใหญ่ที่สุด เวลาเป่าต้องใช้ลมมากจึงไม่ค่อยมีคนนิยม ในเรื่องระดับเสียงของแคนเหมือนระบบเสียงดนตรีสากลนั้น เป็นเรื่องน่าสนใจ น่าที่จะได้ศึกษากันต่อไปว่าเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น ในขณะที่ดนตรีไทยไม่มีขั้นครึ่งเสียง และเพลงพื้นเมืองอีสานใช้เพียง 5 ขั้น คือ โด เร มี ซอล ลา ไม่มีเสียงฟา และ ที


แคนนอกจากบรรเลงเป็นวงแล้ว ก็ยังใช้บรรเลงประกอบการลำ (การขับร้อง) หรือใช้บรรเลงร่วมกับพิณ โปงลาง ฯลฯ
ใครเป็นผู้คิดประดิษฐ์เครื่องดนตรีที่เรียกว่า "แคน" เป็น คนแรก และทำไมจึงเรียกว่า "แคน" นั้น ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนยืนยันได้
น้ำปรุง (="_"=)